คนไทยป่วยโรคจิตจำนวนมากที่ไม่กล้าไปพบแพทย์


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยมีคนไทยป่วยโรคจิตจำนวนมากที่ไม่กล้าไปพบแพทย์เพื่อรักษาเหตุอายเกรงคนอื่นหาว่าบ้า พบผู้ป่วยโรคซึมเศร้าพุ่งสูงแต่เข้ารักษาแค่ 29 % ชี้เด็กสมาธิสั้นน่าห่วงมีพฤติกรรมก่อเหตุรุนแรง วอนผู้ปกครองเปิดใจยอมรับพาลูกหลานเข้ารับการรักษาเพราะหายขาดได้
       
       วันนี้ (15 มี.ค.) ที่ โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้ป่วยชายขนาด 120 เตียง และร่วมกิจกรรมทำบุญครอบรอบ 48 ปี โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ว่า ปัญหาใหญ่ของผู้ป่วยโรคจิตขณะนี้คือมีผู้ป่วยอยู่เป็นจำนวนมากในสังคมไทยที่ไม่กล้าเข้ารับการรักษา เพราะเกรงว่าคนอื่นจะมองไม่ดีหรือมองว่าเป็นผู้ที่สติไม่ดี จึงไม่ยอมเข้ามารับการรักษาหรือปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งหากปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นได้
       
       จากรายงานพบว่าคนไทยป่วยด้วยโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและมีผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่เพียง 29 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เข้ารับการรักษา และยังมีผู้ป่วยอีกกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ที่ยังใช้ชีวิตอยู่ตามปกติ ไม่กล้าเข้ารับการรักษา หากปล่อยไว้นานเกินไปคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นอันตรายต่อคนใกล้เคียง หรืออาจเป็นอันตรายต่อตัวเองได้ เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้หากไม่เข้ารับการรักษาจะมีอาการรุนแรงถึงขั้นคิดสั้นได้ จึงขอวอนญาติหรือใครที่สงสัยว่าตัวเองอาจเป็นโรคนี้หรือไม่ให้เข้ารับการตรวจเพื่อรับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านในเบื้องต้นก่อน ซึ่งหากตรวจพบว่าเป็นโรคดังกล่าวจริงก็ให้เข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีสามารถหายขาดได้
       
       นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กคือ เด็กสมาธิสั้นหรือเด็กอยู่นิ่งไม่ได้ เด็กกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมรุนแรง และพ่อแม่ก็ไม่ยอมรับความจริงไม่กล้านำเด็กเข้ามารักษา รวมทั้งครูในโรงเรียนด้วยซึ่งยังไม่เข้าใจว่าเยาวชนกลุ่มนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ จากสถิติที่ผ่านมาพบว่ามีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวแล้วเข้ารับการรักษาซึ่งกลุ่มที่เข้ารับการรักษานั้นสามารถหายมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
       
       ดังนั้น จึงอยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองยอมเปิดตัวเปิดใจ นำเด็กที่มีพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง อยู่เฉยไม่ได้ เข้ารับการรักษาเพื่อจะได้หายขาดและกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ตามปกติ ซึ่งหากปล่อยไว้นานเด็กกลุ่มนี้อาจมีพฤติกรรมรุนแรงได้ในอนาคต หรืออาจก่อเหตุทะเลาะวิวาท ชกต่อยกับคนอื่นทำให้เป็นอันตรายได้


ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น