ผลสอบคดีไร่ส้ม บทพิสูจน์ “สรยุทธ” ยักยอกเงิน อสมท 138 ล้าน?



เปิดผลสอบคดีไร่ส้ม บทพิสูจน์ “สรยุทธ” 
ยักยอกเงิน อสมท 138 ล้าน?

สรยุทธ์ ยักยอกเงิน อสมท.
     ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เปิดรายละเอียดผลสอบคดีบริษัทไร่ส้มอมเงินค่าโฆษณาของ อสมท 138 ล้าน สมัยรับทำรายงาน “คุยคุ้ยข่าว” บทพิสูจน์ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” พิธีกรชื่อดัง!
       
       จากกรณีที่เว็บไซต์สำนักข่าวอิสรา (http://www.isranews.org) รายงานข่าวอ้าง แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า อนุกรรมการไต่สวนคดีที่พนักงานบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ บมจ.อสมท ร่วมกับพนักงานบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยักยอกเงินโฆษณาที่ได้รับเกินกว่าสัญญาที่บริษัทไร่ส้มทำไว้กับ บมจ.อสมท ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหายถึง 138,790,000 บาท ชุดที่มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน ได้มีมติในคดีดังกล่าวแล้วว่าผู้เกี่ยวข้องบางรายมีความผิด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนเพื่อส่งให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาวินิจฉัยต่อไปนั้น
       
       วันนี้ (13 ก.ย.) สำนักข่าวอิสราได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มขึ้นโดยระบุว่า เนื่องด้วยคดีนี้ผ่านมากว่า 5 ปีแล้ว ทำให้หลายคนหลงลืมรายละเอียดไป ขณะที่บางคนอาจไม่ทราบที่มาที่ไป สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ก่อนพบว่า บมจ.อสมท เคยตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยให้ “พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ” อดีต ส.ว.เป็นประธาน มีบุคคลมีชื่อเสียงหลายคน เช่น นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ, พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์, นายเจษฎา อนุจารี ฯลฯ ร่วมเป็นกรรมการ (ตามคำสั่งที่ 96/2549 ลงวันที่ 21 ธ.ค. 2549)
       
       โดยผลการสอบสอนของคณะกรรมการชุด “พล.ต.อ.ประทิน” เป็นหลักฐานฉบับเดียวกับที่ บมจ.อสมท เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ สน.ห้วยขวาง ให้ดำเนินคดีต่อพนักงาน บมจ.อสมท 2 คน ในข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และบริษัทไร่ส้มของนายสรยุทธ ในฐานะผู้สนับสนุน และ สน.ห้วยขวางส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ เมื่อเดือน ธ.ค. 2550 ซึ่งเอกสารที่มีความหนา 73 หน้าดังกล่าว มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
       
       ข้อมูลทั่วไป กรณี บ.ไร่ส้ม จำกัด ในการรับจัดรายการ “คุยคุ้ยข่าว”
       
       วันที่ 6 พ.ค. 2547 อ.ส.ม.ท. โดยนายชิตณรงค์ คุณะกฤษดาธิการ รองผู้อำนวยการผู้รับมอบอำนาจ ได้ทำหนังสือสัญญาร่วมดำเนินรายการโทรทัศน์กับ บ.ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธ และ น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ กรรมการผู้มีอำนาจ เพื่อแพร่ภาพออกอากาศรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2547-26 ธ.ค. 2547 ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 12.00-13.00 น. รวมครั้งละ 55 นาที (รวมเวลาโฆษณา) ตกลงอัตราค่าโฆษณาไม่ต่ำกว่านาทีละ 200,000 บาท โดยทั้งสองฝ่ายจะไม่จำหน่ายในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าโฆษณาต้องเป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่าย อ.ส.ม.ท.ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด ครั้งละ 5 นาที
       
       หลังจากที่ อ.ส.ม.ท.ได้เปลี่ยนสภาพเป็นบริษัทมหาชน (ในวันที่ 30 ก.ค. 2547) บมจ.อสมท กับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้ทำบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมดำเนินการรายการโทรทัศน์ครั้งที่ 1 ลงวันที่ 23 ส.ค. 2547 เพื่อให้สอดคล้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยให้ขยายเวลาออกอากาศจากเดิม 60 นาที เป็น 90 นาที ระหว่างวันที่ 7-29 ส.ค. 2547 ออกอากาศทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.30-13.00 น. จึงตกลงให้ บ.ไร่ส้ม จำกัด ผลิตรายการความยาวเนื้อหาตอนละ 66 นาที เฉพาะที่ออกอากาศในช่วงนั้น โดย บมจ.อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด ครั้งละ 7 นาที 30 วินาที
       
       วันที่ 26 พ.ย. 2547 บมจ.อสมท กับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้ทำบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมฯ ครั้งที่ 2 โดยขยายระยะเวลาตามสัญญาเดิม ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 26 ธ.ค. 2547 เป็นสิ้นสุดสัญญาวันที่ 27 มี.ค. 2548
       
       นอกจากนี้ ในวันที่ 6 ก.ย. 2547 บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้ตกลงทำสัญญาร่วมฯ กับ บมจ.อสมท เพื่อแพร่ภาพออกอากาศรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2547-31 มี.ค. 2548 ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 21.30-22.00 น. รวมครั้งละ 30 นาที (รวมเวลาโฆษณา) ตกลงอัตราโฆษณาไม่ต่ำกว่านาทีละ 220,000 บาท โดยทั้งสองฝ่ายมีสิทธิโฆษณาได้ฝ่ายละ 2 นาที 30 วินาที
       
       หลังจากนั้น ได้มีการขยายสัญญาร่วมฯ กับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ในการทำรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 21.30-22.00 น. ไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2549 ตกลงอัตราโฆษณาไม่ต่ำกว่านาทีละ 240,000 บาท แบ่งเวลาโฆษณาให้ฝ่ายละ 2 นาที 30 วินาที
       
       และทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 12.00-13.00 น. ไปจนถึง 30 ก.ค. 2549 ตกลงอัตราโฆษณาไม่ต่ำกว่านาทีละ 200,000 บาท โดยตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้ฝ่ายละ 2 นาที 30 นาที
       
       อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น นายชิตณรงค์ได้มีคำสั่งที่ 52/2549 ลงวันที่ 3 ส.ค. 2549 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีที่มีคิวโฆษณาในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ของ บ.ไร่ส้ม จำกัด เกินเวลาที่ตกลงไว้ โดยให้ “นายพลชัย วินิจฉัยกุล” เป็นประธาน
       
       ซึ่งการตรวจสอบพบเงินโฆษณาส่วนเกินที่ต้องเรียกจาก บ.ไร่ส้ม จำกัด ใช้วิธีเปรียบเทียบจากเอกสารมอนิเตอร์ของ บ.ดับบลิวโอเอ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด (BR) กับเอกสารคิวโฆษณารวม คิวโฆษณาของ บ.ไร่ส้ม จำกัด และคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท แล้วคิดคำนวณค่าโฆษณาส่วนเกิน
       
       โดยพบว่า บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้โฆษณาส่วนเกินตามสัญญาฯ ในปี 2548 คิดเป็นเงิน 40,110,000 บาท และปี 2549 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. คิดเป็นเงิน 98,680,000 บาท รวมเป็นเงิน 138,790,000
       
       นอกจากนี้ ยังพบโฆษณาส่วนเกินที่ไม่ใช่คิวโฆษณา บ.ไร่ส้ม จำกัด และไม่ใช่คิวโฆษณาของ บมจ.อสมท หรือที่เรียกว่า “โฆษณาผี” ที่ดำเนินการโดยนางพัชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและบริหารลูกค้า บมจ.อสมท ซึ่งมีหน้าที่ในการประสานงานกับผู้จัดรายการที่เป็นคู่สัญญา ดังนี้ ปี 2548 เป็นเงิน 950,000 บาท ปี 2549 เป็นเงิน 180,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,130,000 บาท
       
       คณะกรรมการสอบสวนชุด พล.ต.อ.ประทิน จึงมีข้อวินิจฉัยว่า
       
       (1) นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า (17 ส.ค. 2547-13 มิ.ย. 2548) และเจ้าหน้าที่ธุรการ ฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า (14 มิ.ย. 2548-เดือน ก.ค. 2549) มีหน้าที่จัดทำคิวโฆษณาในรายการโทรทัศน์ตามสัญญาร่วมดำเนินรายการ
       
       โดยตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2548-30 มิ.ย. 2549 นางพิชชาภาได้บังอาจกระทำการโดยทุจริต แสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นต่างกรรมต่างวาระ โดยจัดทำคิวโฆษณาส่วนเกินในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” และไม่จัดส่งข้อมูลดังกล่าวมาให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง อันเป็นประโยชน์แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด โดยนางพิชชาภาได้รับเงินตอบแทนจาก บ.ไร่ส้ม จำกัด เป็นรายเดือน ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาส่วนเกินจาก บ.ไร่ส้ม จำกัด จำนวน 138,790,000 บาท แม้ต่อมา บ.ไร่ส้ม จำกัด จะยินยอมชำระเงินคืนแก่ บมจ.อสมท แล้วก็ตาม แต่เป็นผลมาจากการตรวจสอบพบการโฆษณาเกินของเจ้าหน้าที่ บมจ.อสมท และมีการเรียกร้องให้ บ.ไร่ส้ม จำกัด ชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าว
       
       ระหว่างวันที่ 7 ส.ค. 2548-25 ธ.ค. 2548 และระหว่างวันที่ 3 พ.ค. 2549- 15 ก.ค. 2549 นางพิชชาภายังได้จัดทำ “คิวโฆษณาผี” อันเป็นสินค้าที่ บ.เบนเฮอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด บ.ยูนิค แพลนเนอร์ กรุ๊ป จำกัด และ บ.ฮิป ฮิป ฮูเรย์ ครีเอชั่น จำกัด ฝากให้นางพิชชาภาพนำไปลงโฆษณากับ บ.ไร่ส้ม จำกัด ในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” แต่ปรากฏว่านางพิชชาภาเป็นผู้รับเงินค่าโฆษณาดังกล่าวเอง ทำให้ บมจ.อสมท เสียหาย ไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาดังกล่าว รวม 1,130,000 บาท
       
       นางพิชชาภาจึงมีความรับผิดทางวินัย ตามข้อบังคับ อ.ส.ม.ท. (ฉบับที่ 43) ว่าด้วยการพนักงาน และมีความรับผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และความรับผิดทางแพ่ง ในการชำระค่าโฆษณาผีและค่าส่วนลดของ บ.ไร่ส้ม จำกัด ในเดือน ก.ค. 2549 น้อยกว่าที่ บมจ.อสมท ควรจะได้ รวมเป็นเงิน 3,259,000 บาท
       
       (2) น.ส.อัญญา อู่ไทย หัวหน้าส่วนธุรการขาย ระดับ 6 ฝ่ายบริการลูกค้า (17 ส.ค. 2547-13 มิ.ย. 2548) และผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า (14 มิ.ย. 2548-ปัจจุบัน) ได้รับแจ้งจากนางพิชชาภาว่า บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้ทำการโฆษณาส่วนเกิน ช่วงต้นปี 2548 แต่ไม่ตรวจสอบการทำใบคิวโฆษณาให้เข้มงวด ถือว่ามีความรับผิดทางวินัย ตามข้อบังคับ อ.ส.ม.ท. (ฉบับที่ 43) ว่าด้วยการพนักงาน ความรับผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และความรับผิดทางแพ่ง ในการชำระค่าโฆษณาผีและค่าส่วนลดของ บ.ไร่ส้ม จำกัด ในเดือน ก.ค. 2549 น้อยกว่าที่ บมจ.อสมท ควรจะได้ รวมเป็นเงิน 3,259,000 บาท
       
       (3) นายประทีป ศรีมณฑล พนักงานธุรกิจ ระดับ 7 งานคิวโฆษณา ส่วนธุรการขาย ฝ่ายบริหารลูกค้า (17 ส.ค. 2547-13 มิ.ย. 2548) และพนักงานธุรกิจอาวุโส ส่วนสนับสนุนการขายวิทยุ ฝ่ายขายวิทยุ (14 มิ.ย. 2548-ปัจจุบัน) นายประทีปได้ปฏิบัติงานแทน น.ส.อัญญาในบางครั้ง แต่นายประทีปได้ละเว้นไม่ควบคุมดูแลให้การลงโฆษณาทางโทรทัศน์ถูกต้องตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ จึงเป็นการประมาทเลินเล่อทำให้ บมจ.อสมท เสียหายอย่างร้ายแรง ถือว่ามีความรับผิดทางวินัย ตามข้อบังคับ อ.ส.ม.ท. (ฉบับที่ 43) ว่าด้วยการพนักงาน
       
       (4) นายธนะชัย วงศ์ทองศรี หัวหน้าฝ่ายกฎหมายธุรกิจ ระดับ 9 (17 ส.ค. 2547-13 มิ.ย. 2548) และผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายธุรกิจ (14 มิ.ย. 2548-7 ม.ค. 2550) ช่วงต้นปี 2548 บ.ไร่ส้ม จำกัดมีหนังสือขอซื้อเวลาส่วนเกินเพิ่มเติม นายธนะชัยย่อมทราบหรือควรจะทราบว่า บ.ไร่ส้ม จำกัด เคยมีการโฆษณาเกินกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาร่วมฯ แต่กลับไม่ตรวจสอบคิวโฆษณาเพื่อรักษาประโยชน์ของ บมจ.อสมท จึงมีความรับผิดทางวินัย ตามข้อบังคับ อ.ส.ม.ท. (ฉบับที่ 43) ว่าด้วยการพนักงาน ความรับผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และความรับผิดทางแพ่ง ในการชำระค่าโฆษณาผีและค่าส่วนลดของ บ.ไร่ส้ม จำกัด ในเดือน ก.ค. 2549 น้อยกว่าที่ บมจ.อสมท ควรจะได้ รวมเป็นเงิน 3,259,000 บาท
       
       (5) นางเบ็ญจมาศ นนทวงษ์ พนักงานธุรกิจ ระดับ 6 (18 ส.ค. 2546-9 ม.ค. 2550) ได้นำรายการโฆษณาสินค้าของลูกค้าที่ตนเคยดูแลไปฝากให้นางพิชชาภาเพื่อให้ออกอากาศในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ของ บ.ไร่ส้ม จำกัด เพื่อให้บริษัทนั้นได้ส่วนลดมากกว่ามาลงในส่วนของ บมจ.อสมท เป็นช่องทางให้นางพิชชาภาทำโฆษณาผี นำเงินเข้าเป็นประโยชน์ของตนเอง ร้ายแรง ถือว่ามีความรับผิดทางวินัย ตามข้อบังคับ อ.ส.ม.ท. (ฉบับที่ 43) ว่าด้วยการพนักงาน ความรับผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และความรับผิดทางแพ่งที่ต้องชำระค่าโฆษณาผีให้แก่ บมจ.อสมท เป็นเงิน 1,130,000 บาท
       
       (6) นายวัลลพ ม่วงกล่ำ พนักงานตัดต่อ ระดับ 5 งานตัดต่อโฆษณา ส่วนธุรการการขาย ฝ่ายบริการลูกค้า (17 ส.ค. 2547-30 ก.ย. 2547) พนักงานตัดต่อ ระดับ 6 ในหน่วยงานเดิม (1 ต.ค. 2547-13 มิ.ย. 2547) และเจ้าหน้าที่ธุรกิจ ฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า (14 มิ.ย. 2547-ปัจจุบัน) ระหว่างวันที่ 3 ม.ค. 2548- 12 ธ.ค. 2548 นายวัลลพช่วยนางพิชชาภาจัดคิวโฆษณารวม 42 ครั้ง แต่ปรากฏว่าการโฆษณาของ บ.ไร่ส้ม จำกัด เกินกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาถึง 28 ครั้ง จึงถือว่านายวัลลภประมาทเลินเล่อต่อหน้าที่ เป็นเหตุให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย จึงมีความรับผิดทางวินัย ตามข้อบังคับ อ.ส.ม.ท. (ฉบับที่ 43) ว่าด้วยการพนักงาน
       
       (7) น.ส.สิริทรัพย์ พึ่งตัว ผู้ประสานงาน ระดับ 5 แผนกผลิตรายการ ฝ่ายผลิตรายการโทรทัศน์ (3 เม.ย. 2544-13 มิ.ย. 2547) และครีเอทีฟ ฝ่ายสร้างสรรค์ (14 มิ.ย. 2548-ปัจจุบัน) น.ส.สิริทรัพย์ได้เข้าชื่อผู้ก่อการในหนังสือบริคณห์ของ บ.ไร่ส้ม จำกัด ที่จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2547 โดยถือหุ้น 1 หุ้น จึงถือว่า น.ส.สิริทรัพย์มีการกระทำต้องห้าม ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นพนักงานของ บมจ.อสมท ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 2547
       
       (8) น.ส.บัณฑณิก บูลย์สิน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลอด 1 (3 ต.ค. 2548-30 เม.ย. 2550) โดยได้ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้ช่วยกรรมการอำนวยการใหญ่ สำนักกลยุทธ์การตลาด (เริ่ม 6 ก.ค. 2549) กระทั่งลาออกจากการเป็นพนักงานของ บมจ.อสมท ไม่พบว่ามีความผิดแต่อย่างใด
       
       (9) บ.ไร่ส้ม จำกัด ที่เป็นคู่สัญญากับ บมจ.อสมท ตามสัญญาร่วมฯ
       
       “ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2548-31 ก.ค. 2549 บ.ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา น.ส.อังคณา วัฒนะมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม กรรมการบริษัท กับ น.ส.มณฑา ธีรเดช เจ้าหน้าที่ บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้บังอาจร่วมกันกระทำการโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต่างกรรมต่างวาระ โดยได้ร่วมกับนางพิชชาภา จัดทำคิวโฆษณาส่วนเกินในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” และไม่แจ้งขอซื้อโฆษณาส่วนเกินต่อ บมจ.อสมท อันเป็นประโยชน์แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด โดยได้มอบเงินตอบแทนเป็นรายเดือนแก่นางพิชชาภา อันเป็นประโยชน์แก่ บ.ไร่ส้ม จำกัด ทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับเงินค่าโฆษณาส่วนเกินของ บ.ไร่ส้ม จำกัด 138,790,000 บาท แม้ต่อมาจะยินยอมชำระคืนแก่ บมจ.อสมท แต่เป็นผลมาจากการตรวจสอบพบการโฆษณาส่วนเกิน และมีการเรียกร้องให้ บ.ไร่ส้ม จำกัด ชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าว ดังนั้น การกระทำผิดของ บ.ไร่ส้ม จำกัด และนางพิชชาภาได้สำเร็จและสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่ บมจ.อสมท อันเป็นการกระทำโดยร่วมกันทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่ 3 อันเป็นมูลความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบกับมาตรา 93”
       
       นอกจากนี้ เมื่อ บมจ.อสมท ทำการตรวจสอบการโฆษณาส่วนเกิน บ.ไร่ส้ม จำกัด ได้สั่งการให้นางพิชชาภาทำการลบข้อความในใบคิวโฆษณารวมของ บมจ.อสมท และ บ.ไร่ส้ม จำกัด เพื่อทำลายพยานหลักฐานและเป็นการปกปิดข้อความจริงและความผิดของตน อันมีมูลความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
       
       นางพิชชาภามีสถานะเป็นพนักงานของ บมจ.อสมท ดังนั้นการที่นางพิชชาภาได้เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในหน้าที่ จึงถือว่านายพิชชาภามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ส่วน บ.ไร่ส้ม จำกัด จึงเป็นผู้สนับสนุนให้นางพิชชาภากระทำความผิด
       
       นอกจากนี้ บ.ไร่ส้ม จำกัด ยังมีมูลที่ต้องชดใช้ตามความผิดทางแพ่งอีกด้วย

manageronline.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น